Rolex 2025 คอลเลกชันใหม่และการวิเคราะห์มูลค่าการลงทุน

Rolex 2025 คอลเลกชันใหม่และการวิเคราะห์มูลค่าการลงทุน

อัพเดทเมื่อ 12 SEPTEMBER 2025

อัปเดต Rolex 2025 ครบทุกคอลเลกชัน Oyster Perpetual, Land-Dweller, GMT-Master II และ Daytona พร้อมราคา กลไกใหม่ และแนวโน้มการลงทุนในตลาดนาฬิกาหรู


ในปี 2025 Rolex ยังคงครองบัลลังก์ในฐานะแบรนด์นาฬิกาหรูที่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและรสนิยมที่เหนือระดับ โดยปีนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากมีทั้งการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน และการอัปเดตโมเดลยอดนิยมให้ร่วมสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Oyster Perpetual สีพาสเทล ที่สดใสสะดุดตา, Land-Dweller คอลเลกชันใหม่ล่าสุด ที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับความหรูหรา, GMT-Master II รุ่นวัสดุพิเศษ ที่ตอบโจทย์นักเดินทาง หรือ Cosmograph Daytona ตำนานแห่งสนามแข่งที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บทความนี้จาก JIPJIPMONEY จะพาคุณไปเจาะลึกทุกรายละเอียด ทั้งสเปก ราคา กลไก จุดเด่น รวมถึงแนวโน้มมูลค่าในตลาดรีเซลล์ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า Rolex รุ่นไหนคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในปีนี้


Oyster Perpetual 2025 – ความสดใสของสีพาสเทล


Image courtesy : Rolex


สำหรับปีนี้ Rolex เติมความสนุกและความทันสมัยให้กับ Oyster Perpetual ด้วยการเปิดตัวหน้าปัดสีใหม่อย่าง Pistachio, Lavender และ Beige ซึ่งมาพร้อมตัวเรือน Oystersteel หลายขนาดตั้งแต่ 28 มม. ราคาโดยประมาณราว 214,800 บาท ไปจนถึงขนาด 36 มม. ในราคา 234,300 บาท และขนาดใหญ่สุด 41 มม. ประมาณ 246,000 บาท ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 2232 หรือ 3230 แล้วแต่รุ่น ซึ่งมีพลังงานสำรอง 70 ชั่วโมงและผ่านมาตรฐาน Superlative Chronometer ที่แม่นยำระดับ -2/+2 วินาทีต่อวัน จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่โทนสีที่ตอบโจทย์แฟชั่นยุคใหม่ ทำให้ Oyster Perpetual ไม่ได้เป็นเพียงรุ่นเริ่มต้นของ Rolex อีกต่อไป แต่กลายเป็นไอเท็มแฟชั่นและสินทรัพย์ที่น่าลงทุน โดยเฉพาะในตลาดรีเซลล์ที่สีใหม่มักมีพรีเมียมสูง


รุ่น 28 มม. – เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเรือนเล็กและเบาสบาย


Image courtesy : Rolex


รุ่น 36 มม. – ขนาดมาตรฐานที่สวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง


Image courtesy : Rolex


รุ่น 41 มม. – สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความโดดเด่นและเต็มข้อมือ


Image courtesy : Rolex


กลไก


  • Calibre 2232 (28 มม.)
  • Calibre 3230 (36 และ 41 มม.)
  • สำรองพลังงาน: 70 ชั่วโมง


ผ่านมาตรฐาน Superlative Chronometer ที่รับรองความแม่นยำ -2/+2 วินาทีต่อวัน


Image courtesy : Rolex


จุดเด่น


Oyster Perpetual 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกา “entry-level” ของ Rolex อีกต่อไป แต่กลายเป็น “statement piece” ที่สะท้อนตัวตนผู้สวมใส่ โทนสีพาสเทลเข้ากับเทรนด์แฟชั่นยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ และยังเป็นรุ่นที่มีศักยภาพในการเก็งกำไรสูง เนื่องจากความต้องการของนักสะสม Gen Z และ Millennial ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


Rolex Land-Dweller 2025 – หน้าใหม่ที่น่าจับตามอง


Image courtesy : Rolex


ปี 2025 นี้ Rolex ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ล่าสุดในชื่อ Land-Dweller ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญของแบรนด์ โดยรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ “นักใช้ชีวิตบนบก” ที่ต้องการทั้งความหรูหรา ความบางเฉียบ และความสะดวกสบายในการสวมใส่ แตกต่างจาก Submariner หรือ Sea-Dweller ที่เน้นฟังก์ชันการดำน้ำ สำหรับ Land-Dweller ใหม่นี้ Rolex นำเสนอด้วย สองขนาดหลัก ได้แก่ 36 มม. ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา กะทัดรัด และ 40 มม.ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน เหมาะสำหรับการสวมใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรืองานทางการ ในด้านวัสดุและราคานั้น เริ่มต้นที่ รุ่น Platinum ซึ่งมีให้เลือกทั้งขนาด 36 มม. และ 40 มม. ราคาอยู่ระหว่าง 2,200,000 – 2,360,000 บาท ถัดมาคือ รุ่น Everose Gold ที่สะท้อนถึงความหรูหราสุดคลาสสิก มีให้เลือกสองขนาดเช่นเดียวกัน ราคาประมาณ 1,590,000 – 1,750,000 บาท สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบหรูและสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน Rolex ยังนำเสนอ รุ่น White Rolesor ที่ทำจาก Oystersteel ผสมทองคำขาว ราคาย่อมเยากว่ารุ่นอื่น อยู่ที่ 530,000 – 566,000 บาท ทั้งในขนาด 36 มม. และ 40 มม. และสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราสุดขีด Rolex ได้เปิดตัว รุ่นประดับเพชร ทั้งในเวอร์ชัน Platinum และ Everose Gold ราคาจะอยู่ที่ 3,300,000 – 3,530,000 บาท ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของคอลเลกชันนี้อย่างแท้จริง


รุ่น 40 มม. Platinum M127336-0001


Image courtesy : Rolex


รุ่น 40 มม. Everose Gold M127335-0001


Image courtesy : Rolex


รุ่น 40 มม. Oystersteel & White Gold M127334-0001


Image courtesy : Rolex


รุ่น 36 มม. Platinum M127236-0001


Image courtesy : Rolex


รุ่น 36 มม. Everose Gold M127235-0001


Image courtesy : Rolex


รุ่น 36 มม. Oystersteel & White Gold M127234-0001


Image courtesy : Rolex


กลไก


  • ใช้กลไกใหม่ Calibre 7135
  • ความถี่สูง 5Hz (36,000 vph)
  • เทคโนโลยี Dynapulse Escapement
  • สำรองพลังงานยาวนาน
  • มาตรฐาน Superlative Chronometer


จุดเด่น


  • ตัวเรือนบางเฉียบ (Ultra-thin)
  • หน้าปัดลาย Honeycomb Motif ที่หรูหราและทันสมัย
  • สาย Flat Jubilee Integrated Bracelet เชื่อมต่อกับตัวเรือนอย่างแนบเนียน
  • กันน้ำ 100 เมตร


Land-Dweller จึงถือว่าเป็นการ “ปักธงใหม่” ของ Rolex และมีศักยภาพในการเป็นเรือนสะสมระยะยาว โดยเฉพาะรุ่น Platinum และรุ่นประดับเพชรที่หายาก


GMT-Master II 2025 – ยอดนิยมของนักเดินทาง


ในปี 2025 นี้ Rolex ยังคงสานต่อความสำเร็จของคอลเลกชัน GMT-Master II ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในหมู่นักเดินทางทั่วโลก และยังเป็นรุ่นที่นักลงทุนจำนวนมากเลือกถือครอง เนื่องจากโดดเด่นทั้งในด้าน ฟังก์ชันแสดงเวลาสองเขตเวลา ที่ใช้งานได้จริง และ ขอบ Bezel อันเป็นเอกลักษณ์ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้ สำหรับ GMT-Master II 2025 Rolex ได้เปิดตัวด้วยสองวัสดุหลักที่สะท้อนถึงรสนิยมอันแตกต่างของผู้สวมใส่ เริ่มจาก รุ่น White Gold (M126729VTNR-0001) ซึ่งมาในขนาดมาตรฐาน 40 มม. อันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ GMT-Master II ตัวเรือนทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ มอบสัมผัสเรียบหรูเหนือระดับ พร้อมฟังก์ชันครบครันสำหรับนักเดินทางสมัยใหม่ โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,770,000 บาท อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองคือ Everose Gold (M126715CHNR-0002) ในขนาด 40 มม. เช่นเดียวกัน รุ่นนี้โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองคำชมพูอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Rolex ที่สะท้อนความหรูหราและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่างและความสง่างามบนข้อมือ โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,870,000 บาท ทั้งสองรุ่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์การเดินทางระหว่างประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังเป็น ไอเทมที่สะท้อนรสนิยมและความสำเร็จของผู้สวมใส่ ได้อย่างชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่ GMT-Master II 2025 จะยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในนาฬิกาที่ทั้ง “ใช้งานได้จริง” และ “คุ้มค่าน่าลงทุน” ที่สุดในปีนี้


รหัส M126729VTNR-0001


Image courtesy : Rolex


รหัส M126715CHNR-0002


Image courtesy : Rolex


กลไก


  • Calibre 3285
  • ฟังก์ชัน GMT / Dual-Time Zone
  • สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง


จุดเด่น


รุ่นที่โดดเด่นที่สุดคือ “VTNR” ขอบเขียว-ดำ ซึ่งยังคงเป็นรุ่น Rare Piece ที่หาซื้อยาก ความต้องการสูงเกินกว่าที่ Rolex ผลิตออกมาได้ ทำให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่สามารถสร้างกำไรจากตลาดรองได้อย่างต่อเนื่อง


Cosmograph Daytona 2025 – ความสปอร์ตหรูในตำนาน


Rolex Cosmograph Daytona ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งการผสมผสานระหว่าง Performance และ Prestige ได้อย่างลงตัว ในปี 2025 Rolex ได้ต่อยอดความสำเร็จของรุ่นนี้ด้วยการนำเสนอวัสดุทองคำพร้อมสายดีไซน์ใหม่ เพิ่มมิติความหรูหราให้กับโครโนกราฟสปอร์ตระดับตำนาน หนึ่งในไฮไลต์คือ Daytona Yellow Gold + สาย Oysterflex (M126518LN-0014) ขนาดมาตรฐาน 40 มม. ที่มอบลุคสปอร์ตทันสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์หรูหราของทองคำ ราคาประมาณ 1,378,000 บาท สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิกเหนือกาลเวลา Rolex ยังนำเสนอ Daytona Yellow Gold + สายทองคำ (M126508-0008)ในขนาด 40 มม. เช่นเดียวกัน ให้ภาพลักษณ์ที่สง่างามและทรงพลังมากยิ่งขึ้น โดยมีราคาอยู่ที่ราว 1,784,000 บาท ไม่ว่าจะเลือกแบบใด Cosmograph Daytona 2025 ก็ยังคงเป็นนาฬิกาที่สะท้อนความเร็ว ความแม่นยำ และความหรูหราในเรือนเดียวอย่างแท้จริง


รหัส M126518LN-0014


Image courtesy : Rolex


รหัส M126508-0008


Image courtesy : Rolex


กลไก


  • Calibre 4131
  • ระบบจับเวลา Chronograph
  • มาตรฐาน Superlative Chronometer


จุดเด่น


Daytona ยังคงเป็นไอคอนของนักสะสม ด้วยความนิยมที่ไม่มีตก ไม่ว่าจะในวงการแข่งรถหรือตลาดนาฬิกาหรู ความต้องการในตลาดรีเซลล์ยังสูงมาก โดยเฉพาะรุ่นทองคำหรือรุ่นที่มี dial สีหายาก


วิเคราะห์การลงทุน Rolex 2025


การซื้อนาฬิกา Rolex ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการสะสมหรือแฟชั่นอีกต่อไป แต่ยังเป็น กลยุทธ์การลงทุน ที่นักสะสมมืออาชีพและนักลงทุนทางเลือกให้ความสนใจ โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ Rolex เปิดตัวรุ่นใหม่หลายรุ่น ซึ่งมีศักยภาพในการสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


1. Oyster Perpetual สีพาสเทล – การลงทุนสำหรับ Gen Z และ Millennial


สีพาสเทลอย่าง Pistachio, Lavender และ Beige ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่เน้นแฟชั่น ความสดใส และความแตกต่างจากสีดั้งเดิม ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ราคาตลาดรองมีโอกาสขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะ รุ่นที่เลิกผลิต (Discontinued Colors) เช่น Celebration Dial ที่เคยเป็นกระแสแรงและปัจจุบันราคาพุ่งสูงเกิน MSRP หลายเท่า

  • แนวโน้ม: ราคามีโอกาสพุ่งในช่วง 1–3 ปีแรก หลังเปิดตัว โดยเฉพาะขนาด 36 มม. และ 41 มม. ที่เป็นที่นิยม
  • การลงทุน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มสะสม Rolex รุ่นแรก พร้อมโอกาสการเก็งกำไรในระยะสั้น


2. Land-Dweller – ดาวรุ่งที่เพิ่งแจ้งเกิด


การเปิดตัว Land-Dweller ในปี 2025 ถือว่าเป็น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Rolex เนื่องจากเป็นคอลเลกชันใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะรุ่น Platinum และ Everose Gold ประดับเพชร ที่จัดอยู่ในกลุ่ม High Jewellery Watches ซึ่งกลุ่มนักสะสมระดับ Ultra High Net Worth (UHNW) มักให้ความสนใจ

  • แนวโน้ม: มีศักยภาพสูงในการเป็น “Rare Piece” ของอนาคต เนื่องจาก Rolex ไม่ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่บ่อยครั้ง รุ่นเปิดตัวแรก (First Generation) จึงมักได้รับความนิยมในระยะยาว
  • การลงทุน: เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะผู้ที่เน้นความหายากและการสะสมในระดับ Grail Watch


3. GMT-Master II “VTNR” – Rare Piece ที่ยังคงแรงต่อเนื่อง


GMT-Master II โดยเฉพาะรุ่น “VTNR” ขอบเขียว-ดำ ยังคงเป็น Rare Piece ที่หาซื้อยากจากศูนย์ AD ความต้องการในตลาดรองสูงกว่าปริมาณการผลิต ทำให้ราคามีพรีเมียมสูงกว่าราคาป้ายอย่างต่อเนื่อง

  • แนวโน้ม: ราคาตลาดรองยังคง Premium 20–40% เหนือ MSRP และมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก หาก Rolex ลดจำนวนการผลิต
  • การลงทุน: เหมาะกับผู้ที่ต้องการ สภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ง่าย และได้กำไรส่วนต่างในระยะสั้น–กลาง


4. Cosmograph Daytona – ตำนานที่ครองมูลค่าตลาด


Daytona ยังคงเป็นนาฬิกาที่ “ขาดตลาดตลอดกาล” โดยเฉพาะรุ่นทองคำหรือรุ่นที่มี Dial สีหายาก ด้วยความเป็น Iconic Watch ที่มีทั้งชื่อเสียงในวงการมอเตอร์สปอร์ตและฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น ราคาตลาดรองจึงแทบไม่เคยตกต่ำ

  • แนวโน้ม: ราคาคงตัวสูงและมีเสถียรภาพมากกว่า Oyster Perpetual และ GMT โดยเฉพาะรุ่นทองคำและรุ่น Limited Edition
  • การลงทุน: ถือเป็น “Safe Haven Asset” ของโลกนาฬิกา ใกล้เคียงกับทองคำในเชิงการเก็บรักษามูลค่า


ทางเลือกสำหรับสภาพคล่อง

     

สำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนระยะสั้นโดยไม่ต้องขายนาฬิกา การใช้บริการจำนำนาฬิกาหรูจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย ระบบรักษาความปลอดภัย และความสะดวกในการบริการ


เปลี่ยนเวลาบนข้อมือ ให้กลายเป็นสภาพคล่องในมือคุณได้ทันที!

     

หากคุณเป็นเจ้าของนาฬิกาแบรนด์ไฮเอนด์ และกำลังมองหาวิธีเปลี่ยนสินทรัพย์บนข้อมือให้กลายเป็น สภาพคล่องระยะสั้นแทนที่จะเก็บไว้อยู่เฉย ๆ ในตู้เซฟที่บ้าน ลองเปลี่ยนเป็น เงินด่วนได้ทันที กับ watchforcash เราพร้อมให้บริการรับนาฬิกาไฮเอนด์กว่า 20 แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่



watchforcash นาฬิกาแลกเงินด่วน


พบกับข้อเสนอที่ดีที่สุด!


✅ รับสินค้าได้หลากหลาย เก่าใหม่ วินเทจ แรร์ไอเทม

✅ ดอกเบี้ย 0.89% /เดือน (เฉพาะสัญญาแรก) สัญญาต่อไปดอกเบี้ยคงที่ 1.25% /เดือน

✅ วงเงินสูง 10,000 - 6,500,000 บาท/สัญญา

✅ ประเมินผลไวใน 45 นาที รับเงินโอนไวใน 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับจำนวนคิว สูงสุดไม่เกิน 24 ชั่วโมงได้รับเงิน)

✅ ให้วงเงินเต็ม ไม่หักดอก ไม่ต้องส่งต้น 

✅ เงื่อนไขยืดหยุ่น ต่อสัญญาได้ไม่จำกัด

✅ เก็บในตู้นิรภัยแบบ 1 ต่อ 1 (พร้อมวงเงินคุ้มครอง)

✅ บริการฟรี! รับถึงบ้าน ไม่มีขั้นต่ำ (เฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล /ต่างจังหวัดขนส่งเอกชน)

✅ บริการฟรี! อบ UV ฆ่าเชื้อทุกรายการ

✅ ให้บริการอย่างเป็นส่วนตัว รักษาความลับลูกค้าสูงสุด

✅ ถูกกฎหมาย จดทะเบียนถูกต้อง


ถ้าคุณกำลังมองหาทางเลือกที่ให้ทั้ง สภาพคล่องทันใจ และ ความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย ลองให้ watchforcash ดูแลนาฬิกาที่คุณรักนะคะ


"ฝากไว้กับเราสบายใจตั้งแต่เริ่มจนจบ"


สนใจสมัครเลยที่ www.watchforcash.com

LINE @watchforcash

โทร 0-888-000000




สรุป Rolex 2025 Collection ยืนยันความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนาฬิกาหรูผ่านนวัตกรรมและคุณภาพที่เหนือกว่า ตั้งแต่ Oyster Perpetual สีพาสเทลที่ดึงดูดนักสะสมรุ่นใหม่ GMT-Master II ที่ตอบโจทย์นักเดินทาง Land-Dweller หลากหลายวัสดุสำหรับทุกงบประมาณ ไปจนถึง Cosmograph Daytona ที่ผสมผสานความสปอร์ตและหรูหรา ทุกเรือนในคอลเลกชันนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบอกเวลาที่แม่นยำ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งสถานะและการลงทุนที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าระยะยาว การเลือกซื้อ Rolex จึงเป็นการตัดสินใจที่ผสมผสานระหว่างความชื่นชอบส่วนตัว ความปฏิบัติจริง และโอกาสการลงทุนที่มีคุณค่า