Do & Don’t รวมวิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนม ให้กระเป๋าสวยเหมือนใหม่

Do & Don’t รวมวิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนม ให้กระเป๋าสวยเหมือนใหม่

อัพเดทเมื่อ 26 NOVEMBER 2025

เช็กวิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนม Do & Don’t เก็บตามนี้ กระเป๋าไม่พังชัวร์

การได้ครอบครอง กระเป๋าแบรนด์เนม ใบโปรดคือความสุข แต่การดูแลรักษาให้กระเป๋าใบนั้นสวยงามเหมือนวันแรกที่ซื้อมาคือ "ศิลปะ" ที่สำคัญไม่แพ้กัน หลายคนลงทุนซื้อกระเป๋าราคาแพง แต่กลับละเลยการเก็บรักษา จนเกิดปัญหากวนใจตามมา ทั้งเชื้อรา, กลิ่นอับ, หรือกระเป๋าเสียทรง บทความนี้ JIPJIPMONEY จะมาแชร์วิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนมทั้ง Do & Don’t ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษามูลค่ากระเป๋าของคุณไว้ได้นานที่สุด


ทำไมการรู้วิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกต้องถึงเป็นเรื่องสำคัญ

การซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม คือการลงทุน และการลงทุนที่ดีต้องมีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง การเก็บรักษาที่ผิดวิธีเพียงเล็กน้อยอาจสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับกระเป๋าของคุณได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการใส่ใจวิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกต้องจึงสำคัญอย่างยิ่ง


ป้องกันศัตรูตัวร้าย: ความชื้น เชื้อรา และกลิ่นอับ

ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้น ซึ่งเป็นสภาวะสวรรค์ของเชื้อราและแบคทีเรีย การเก็บกระเป๋าในที่อับ, ไม่ระบายอากาศ, หรือชื้นเกินไป จะทำให้หนังลอก, อะไหล่หมอง, และเกิดกระเป๋าขึ้นราที่มีกลิ่นเหม็นอับติดแน่น ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากและทำให้กระเป๋าเสื่อมราคาอย่างน่าเสียดาย


ป้องกันกระเป๋าเสียทรง และรอยกดทับ

กระเป๋าที่เป็นทรงแข็ง (Structure Bag) เช่น Lady Dior หรือ Hermès Birkin/Kelly หากเก็บไม่ดีอาจเกิดการยุบตัวหรือกระเป๋าเสียทรงได้ง่าย ส่วนกระเป๋าหนังนุ่ม (Lambskin) ก็อาจเกิดรอยกดทับจากสายสะพายหรือกระเป๋าใบอื่นได้ การจัดเก็บที่ถูกต้องจะช่วยรักษารูปทรงดั้งเดิมของกระเป๋าไว้ให้สวยงามที่สุด


รักษามูลค่าให้กระเป๋าเหมือนใหม่

กระเป๋าสภาพดี "เหมือนใหม่" ย่อมมีราคาสูงกว่าในตลาดมือสอง หากคุณวางแผนที่จะส่งต่อ, ขายฝาก, หรือเปลี่ยนเป็นเงินทุนในอนาคต สภาพของกระเป๋าคือปัจจัยชี้ขาด การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างถูกวิธีจะช่วยรักษามูลค่าการลงทุนของคุณไว้ได้


5 Do วิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนม ช่วยถนอมกระเป๋าให้สวยเหมือนใหม่

วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างถูกวิธีเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วย 5 ข้อที่ "ควรทำ" (Do) เหล่านี้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุกระเป๋าใบโปรดของคุณให้สวยนานเหมือนวันแรกที่ซื้อมา

1: ทำความสะอาดเบื้องต้นทุกครั้งหลังใช้งาน

ก่อนเก็บกระเป๋า ควรนำของทุกอย่างออกจากกระเป๋าให้หมด และใช้ผ้านุ่มแห้ง (ไมโครไฟเบอร์) หรือทิชชู่สำหรับเช็ดกระเป๋าโดยเฉพาะ เช็ดคราบฝุ่น, เหงื่อ, หรือรอยนิ้วมือบนตัวกระเป๋าและอะไหล่เบาๆ เพื่อป้องกันคราบฝังลึกและลดการสะสมของแบคทีเรีย

2: ดันทรงกระเป๋า

เพื่อป้องกันไม่ให้กระเป๋าเสียทรง ควรใช้อุปกรณ์ดันทรงที่ทำขึ้นสำหรับกระเป๋ารุ่นนั้นๆ, หมอนดันทรง, หรือกระดาษไร้กรด (Acid-Free Paper) ขยำแล้วยัดเข้าไปให้เต็มกระเป๋า (ห้ามใช้หนังสือพิมพ์เพราะหมึกอาจเปื้อนซับในได้) เพื่อให้กระเป๋าคงรูปทรงสวยงามอยู่เสมอ

3: เก็บในถุงผ้า (Dust Bag) ที่ระบายอากาศได้ดี

ถุงผ้า (Dust Bag) ที่แบรนด์ให้มา คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ช่วยกันฝุ่นและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ควรเก็บกระเป๋าในถุงผ้าในลักษณะ "ตั้งขึ้น" ตามทรงของกระเป๋า และรูดปิดปากถุงให้เรียบร้อย แต่ต้องแน่ใจว่าถุงผ้านั้นสะอาดและแห้งสนิท


4: วางในที่อากาศถ่ายเท (Ventilation)

ควรเก็บกระเป๋าไว้บนชั้นวางที่เปิดโล่ง หรือในตู้ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก (Ventilation) ไม่ใช่ตู้ที่ปิดทึบ การที่อากาศไหลเวียนจะช่วยลดความชื้นสะสมซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ กระเป๋าขึ้นรา และกลิ่นอับ การวางบนชั้นวางยังช่วยให้คุณเห็นกระเป๋าและนำออกมาใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย


5: ใช้ซองกันชื้น (Silica Gel) แต่ต้องระวัง

ซองกันชื้น (Silica Gel) ช่วยดูดความชื้นได้จริง แต่ "ห้าม" ใส่ซองกันชื้นไว้ในกระเป๋าโดยตรง เพราะอาจดูดความชื้นออกจากหนังมากเกินไปจนทำให้หนังแห้งแตกและกรอบได้ วิธีที่ถูกต้องคือการวางซองกันชื้นไว้ "รอบๆ" บริเวณชั้นวาง หรือในมุมตู้เก็บกระเป๋า เพื่อควบคุมความชื้นในภาพรวม


5 Don’t สิ่งที่ไม่ควรทำในการเก็บกระเป๋าแบรนด์เนม

นอกเหนือจากสิ่งที่ควรทำแล้ว ยังมีข้อ "ห้าม" (Don’t) ที่สำคัญ 5 ข้อ ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว และเป็นสาเหตุที่ทำให้กระเป๋าพังเร็วที่สุด

1: ห้ามเก็บในถุงพลาสติก หรือกล่องที่ปิดทึบ

นี่คือข้อห้ามที่ร้ายแรงที่สุด! หลายคนเข้าใจผิดว่าการเก็บในถุงพลาสติกหรือกล่องที่แบรนด์ให้มาจะช่วยกันฝุ่นได้ดี แต่ในความเป็นจริง มันคือ "เตาอบ" ชั้นดีที่กักเก็บความชื้นและไม่ระบายอากาศ ทำให้หนัง "หายใจไม่ออก" ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้หนังลอกเหนียว, อะไหล่ลอก, และเกิดปัญหากระเป๋าขึ้นรา


2: ห้ามแขวนกระเป๋า

การแขวนกระเป๋า เช่น การแขวนที่ลูกบิดประตู หรือราวแขวน จะทำให้น้ำหนักทั้งหมดของกระเป๋าถูกทิ้งลงบน "สายสะพาย" หรือ "หูจับ" ซึ่งจะทำให้สายยืด, ยาน, หรือแตกหักได้ในระยะยาว โดยเฉพาะกับกระเป๋าที่มีน้ำหนักมาก วิธีที่ถูกต้องคือ "วาง" บนชั้นเท่านั้น


3: ห้ามโดนแสงแดด หรือแสงไฟส่องโดยตรง

รังสี UV จากแสงแดด และความร้อนจากหลอดไฟสปอตไลท์ คือศัตรูตัวฉกาจของสีหนัง แสงเหล่านี้จะทำให้สีของกระเป๋าซีดจาง, เหลือง, หรือสีด่างไม่เท่ากันอย่างรวดเร็ว ควรเก็บกระเป๋าในที่ร่มและห่างจากแสงไฟโดยตรง


4: ห้ามวางกระเป๋าซ้อนกัน หรือเบียดกันแน่น

การวางกระเป๋าเบียดกันหรือซ้อนทับกัน จะทำให้เกิดรอยกดทับที่แก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะหนังนุ่มอย่าง Lambskin นอกจากนี้ยังอาจทำให้สีของกระเป๋าใบหนึ่งตกใส่กระเป๋าอีกใบหนึ่งได้ ดังนั้นจึงควรเว้นระยะห่างระหว่างกระเป๋าแต่ละใบให้เหมาะสม

5: ห้ามเก็บในที่อุณหภูมิร้อนจัดหรือชื้นจัด

หลีกเลี่ยงการเก็บกระเป๋าไว้ในห้องที่ไม่มีคนอยู่เป็นประจำ, หลังรถ, หรือห้องเก็บของที่ร้อนอบอ้าว เพราะความร้อนจะทำให้กาวที่ใช้ประกอบกระเป๋าเสื่อมสภาพและทำให้หนังแห้งกรอบ ส่วนความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราอย่างที่กล่าวไปแล้ว


เคล็ดลับพิเศษ: วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมตามวัสดุ

กระเป๋าแต่ละวัสดุมี "จุดแข็ง" และ "จุดอ่อน" ที่แตกต่างกัน การดูแลผิดวิธีอาจทำให้มูลค่าตกได้ทันที การรู้เคล็ดลับวิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนมเหล่านี้จะช่วยให้คุณดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมได้ตรงจุด และคงสภาพให้เหมือนใหม่ได้นานที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการรักษามูลค่า (Resale Value) ของกระเป๋าค่ะ


วิธีดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมที่ผลิตจากหนังชนิดต่าง ๆ

หนังคือวัสดุคลาสสิกที่ต้องการความใส่ใจสูงสุด เพราะมีความบอบบางต่อความชื้นและรอยขีดข่วน แต่ละชนิดก็มีวิธีดูแลที่แตกต่างกัน ดังนี้


หนังแกะ (Lambskin)

เป็นหนังที่มีสัมผัสนุ่มเนียนเหมือนเนย (Buttery Soft) และมีความเงาแบบนุ่มนวล (Subtle Sheen) ถือเป็นหนังที่หรูหราที่สุด แต่ก็เป็นหนังที่บอบบางที่สุดเช่นกัน

  • วิธีดูแล: ห้ามโดนน้ำ, แอลกอฮอล์, หรือโลชั่นเด็ดขาด เพราะจะเกิดรอยด่างถาวรทันที และต้องระวังเล็บหรือของมีคมข่วน ทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้านุ่มแห้ง (ไมโครไฟเบอร์) เช็ดฝุ่นเบาๆ เท่านั้น และควรใช้ครีมบำรุงหนัง (Leather Conditioner) สูตรเฉพาะสำหรับ Lambskin เป็นประจำเพื่อเติมความชุ่มชื้น ป้องกันหนังแห้งแตก



ฃหนังคาเวียร์ (Caviar Skin)

หนังคาเวียร์ คือหนังวัวปั๊มลายที่ "ทนทานที่สุด" ของ CHANEL ทนต่อรอยขีดข่วนและละอองน้ำได้ดี เหมาะสำหรับมือใหม่หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน

  • วิธีดูแล: ดูแลง่ายกว่ามาก สามารถใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสะอาดบิดหมาดๆ เช็ดคราบสกปรกเบาๆ ได้ แต่ถึงแม้จะทน ก็ไม่ควรวางตากแดดนานๆ หรือเก็บในที่ร้อนจัด เพราะอาจทำให้สีซีดจาง (Fade) หรือหนังแข็งขึ้นได้



หนัง Vachetta หรือหนังคาวไฮด์

หนัง Vachatte หรือหนังคาวไฮด์ คือหนังฟอกฝาดสีอ่อนที่ใช้ทำหูจับหรือขอบกระเป๋า Louis Vuitton เสน่ห์ของมันคือการ "เปลี่ยนสี" (Patina) เป็นสีน้ำผึ้งที่เข้มขึ้นตามการใช้งาน

  • วิธีดูแล: นี่คือหนังที่ "กลัวน้ำ" ที่สุด! ห้ามโดนน้ำหรือความชื้นเด็ดขาด เพราะจะเกิดรอยด่างถาวรทันที และควรหลีกเลี่ยงการจับหูหิ้วบ่อยๆ หากมือไม่สะอาด ควรใช้ผ้าพันบริเวณหูจับเพื่อป้องกันคราบเหงื่อที่ทำให้หนังดำคล้ำ



การดูแลกลุ่มแคนวาส (Canvas Care: LV Monogram, Dior Oblique)

วัสดุแคนวาส (Canvas) เป็นวัสดุที่มีความทนทานสูง แต่ "กลัวน้ำยาเคมี" ดังนั้นจึงห้ามใช้ครีมบำรุงหนังหรือน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์เช็ดโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ลายพิมพ์ละลายหรือด่างได้ ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสะอาดบิดหมาดๆ เช็ดก็เพียงพอ


การดูแลกลุ่มผ้า (Fabric Care: Nylon, Tweed)

กระเป๋าผ้าอย่าง PRADA Re-Nylon หรือ CHANEL Tweed จะกลัวคราบฝังลึกเป็นพิเศษ หากเปื้อนของเหลว เช่น กาแฟ หรือเครื่องสำอาง ให้รีบใช้ผ้าสะอาดซับออกทันที (ห้ามถู) และควรฉีดสเปรย์กันน้ำสำหรับผ้าไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันคราบ


JIPJIPMONEY รับขายฝากกระเป๋า พร้อมดูแลในห้องนิรภัยระดับโลก

การดูแลกระเป๋าแบรนด์เนมด้วยตัวเองต้องใช้ทั้งเวลาและความใส่ใจ แต่ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนกระเป๋าใบสวยให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน JIPJIPMONEY มีบริการ bagforcash ที่ไม่เพียงแต่ให้วงเงินสูง แต่ยัง "ดูแล" กระเป๋าของคุณเป็นอย่างดี


เราเป็นบริษัทเดียวที่มี "ห้องนิรภัยมาตรฐานระดับโลก" กันไฟได้ 7 ชั่วโมง

JIPJIPMONEY ลงทุนในเทคโนโลยีการจัดเก็บที่ดีที่สุด เราคือบริษัทเดียวที่มีห้องนิรภัยมาตรฐานสากล สร้างจากวัสดุพิเศษที่สามารถกันไฟได้นานถึง 7 ชั่วโมง และกันการเจาะทำลายได้ทุกรูปแบบ 


ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น หมดกังวลเรื่องกระเป๋าพัง

ห้องนิรภัยของเรามีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้น (Climate Control) ตลอด 24 ชั่วโมง ให้คงที่ในระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเครื่องหนังและวัสดุราคาแพง หมดกังวลเรื่องปัญหาความชื้น, กระเป๋าขึ้นรา, หรือหนังลอกเหนียว


เก็บรักษาแบบ 1 ต่อ 1 และมีวงเงินคุ้มครองทรัพย์สินทุกชิ้น

กระเป๋าของคุณจะไม่ถูกวางซ้อนหรือเบียดกับของคนอื่น เรามีระบบจัดเก็บแบบ 1 ต่อ 1 ในชั้นวางและพื้นที่ส่วนตัว พร้อมดันทรงและห่อหุ้มอย่างดี นอกจากนี้ ทรัพย์สินทุกชิ้นที่อยู่กับเรายังมีวงเงินประกันคุ้มครองเต็มมูลค่า เพื่อความอุ่นใจสูงสุดของคุณ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับวิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนม


ต้องเปิดแอร์ให้กระเป๋าแบรนด์เนมตลอดเวลาหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ ขอเพียงแค่เก็บในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนอบอ้าว และนำกระเป๋าออกมา "รับอากาศ" บ้างเป็นครั้งคราวก็เพียงพอแล้วค่ะ


วิธีแก้กระเป๋าแบรนด์เนมมีกลิ่นอับ หรือกลิ่นเหม็นทำอย่างไร?

เบื้องต้นให้เปิดกระเป๋าแล้วนำไปผึ่งลมในที่ร่ม (ห้ามตากแดด) 1-2 วัน หรือใส่ถ่านชาโคลดูดกลิ่น (ห้ามให้ถ่านสัมผัสซับในโดยตรง) หากไม่หายควรส่งสปาค่ะ


ถ้ากระเป๋าแบรนด์เนมขึ้นรา ควรทำความสะอาดเองหรือไม่?

ไม่แนะนำให้ทำความสะอาดเองเด็ดขาดค่ะ เพราะการเช็ดหรือขัดเองอาจทำให้สปอร์เชื้อรากระจายและฝังลึกในหนัง ควรส่งร้านสปากระเป๋าแบรนด์เนมที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ


สรุปบทความ

การเรียนรู้วิธีเก็บกระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของกระเป๋าให้ยาวนานยิ่งขึ้น และช่วยรักษาสภาพกระเป๋าให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้หากวันใดที่คุณต้องการเปลี่ยนกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นเงินสด การปฏิบัติตามวิธีดูและกระเป๋าเป็นอย่างดี ก็จะช่วยรักษามูลค่าของกระเป๋าใบโปรดของคุณไว้ได้ด้วย

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะต้องการขายฝากหรือเปลี่ยนกระเป๋าเป็นเงินสด บริการ bagforcash ที่ JIPJIPMONEY ก็พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานและความเชี่ยวชาญที่คุณวางใจได้ สนใจใช้บริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ทันที

  • Line: @JIPJIPMONEY หรือ @bagforcash
  • โทร: 088-800-0000 ในช่วงวันและเวลาทำการ 10:00-19:00 น. ‍(‍ปิ‍ด‍วั‍น‍อ‍า‍ทิ‍ต‍ย์‍)‍‍
  • E-Mail: official@jipjipmoney.com